โครงการ ฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

สถานที่ตั้ง

จังหวัด กระบี่

รายละเอียดโครงการ ถอดบทเรียน

เรื่องเดิม

  • เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับพื้นที่ป่าทุ่งทะเล ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4,700 ไร่ ตามที่จังหวัดกระบี่น้อมเกล้าฯ ถวาย และได้มีพระราชเสาวนีย์ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้สัตว์ป่าและสัตว์น้ำ ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ของป่าทุ่งทะเล  โดยให้สำนักงาน  กปร. เป็นแกนกลางในการจัดทำแผนพัฒนาและได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทโครงการฯ ระยะ 3 ปี (2542 - 2544) และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และได้ทรงเห็นชอบ และในวันที่ 20 เมษายน 2543 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร  ได้เสด็จฯ  เยี่ยมโครงการฯ และมีพระราชดำริเพิ่มเติมให้จัดสร้างศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อสร้างงานให้กับราษฎร จัดตั้งหน่วยเพาะเลี้ยงปูทะเล และเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ
  • เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2537 จังหวัดกระบี่ ได้นำเรียนราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อนำความกราบบังคมทูลนำป่าทุ่งทะเลขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้เป็นสถานที่ฝึกศิลปาชีพและหรือสงวนไว้ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน และเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2537 สำนักราชเลขาธิการได้แจ้งว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับพื้นที่ดังกล่าวไว้ และทรงดำเนินการเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และทรงมีพระราชดำริเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ให้อนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน ให้มีการศึกษา วิจัย ทดลอง และขยายพันธุ์สัตว์น้ำทะเลที่คาดว่าจะเป็นสัตว์น้ำทะเลเศรษฐกิจที่ดีในอนาคตได้จะได้นำไปส่งเสริมเป็นอาชีพของราษฎร  ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ของป่าทุ่งทะเล และให้จ้างประชาชนที่อาศัยทำกินอยู่เดิมในพื้นที่มาเป็นคนงานหรือลูกจ้างด้วย
  • สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชดำริ ให้ช่วยเหลือราษฎรบ้านร่าหมาด หมู่ที่ 2 บ้านปากคลอง หมู่ที่ 3 บ้านขุนสมุทร หมู่ที่ 10 และหมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนและก่อให้เกิดโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าทุ่งทะเลฯ ตลอดจนเป็นผู้ผลักดันส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงปลาเก๋า และหอยแมลงภู่ในกระชังเป็นอาชีพ แต่เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ได้เกิดธรณีพิบัติภัยสึนามิขึ้น ทำให้อาชีพเลี้ยงปลาในกระชังของราษฎรดังกล่าวถูกทำลายไป (หนังสือสำนักราชเลขาธิการที่ รล 0010.1/12787 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550) 

ผลการดำเนินงาน

ปี 2551 

กรมประมง ดำเนินการส่งเสริมการเลี้ยงปลาเก๋าและปลากะพงขาวให้แก่ราษฎร 3 กลุ่ม จำนวน 68 กระชัง ซึ่งเป็นราษฎรกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าทุ่งทะเลฯ และได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยสึนามิ โดยแบ่งเป็น

- กลุ่มเลี้ยงปลาเก๋าในกระชังบ้านร่าหมาด 20 กระชัง ราษฎร 13 คน        

- กลุ่มเลี้ยงปลาเก๋าและปลากะพงขาวในกระชังบ้านปากคลอง  30 กระชัง ราษฎร 20 คน

- กลุ่มเลี้ยงปลาเก๋าในกระชังบ้านขุนสมุทร 38 กระชัง ราษฎร 11 คน

ทั้งนี้ จะทำให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราษฎรจะได้ผลผลิตจากการเลี้ยงปลาประมาณ 5,500 กิโลกรัม/ปี ส่งผลให้ราษฎร  3 หมู่บ้าน ประชากร 166 คน 44 ครัวเรือน ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่การเลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยสึนามิได้อีกด้วย

พื้นที่เลี้ยงปลาเก๋า และปลากะพงขาวในกระชังของราษฎร

ปี 2545

หลังจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชดำริหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเลฯ (2542-2544) ขึ้น เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานในการพัฒนาและยกระดับชุมชน   คุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น และจังหวัดกระบี่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเลฯ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานกรรมการ ที่ผ่านมาได้มีผลการดำเนินงาน ดังนี้

1. ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ได้ก่อสร้างถนนลาดยาง กว้าง 6 เมตร เป็นระยะทาง 11.500 กิโลเมตร สะพาน คสล. กว้าง 8 เมตร ยาว 56.20 เมตร 1 แห่ง และก่อสร้างถนนภายในโครงการ กว้าง 5 เมตร ยาว 25 กิโลเมตร และได้ขุดสระเก็บน้ำภายในบริเวณโครงการ 2 แห่ง  ขนาดความจุ 16,500 ลูกบาศก์เมตร และขนาดความจุ 35,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งได้ทำการก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบโดยก่อสร้างระบบส่งน้ำ ยาว 960 เมตร อาคารจ่ายน้ำ 2 แห่ง หอถังน้ำและโรงสูบน้ำ อย่างละ 1 แห่ง ได้เดินสายไฟจากบ้านลิกี  หมู่ที่ 5 ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ในเขตพื้นที่โครงการฯ หมู่ที่ 3 และศาลาทรงงาน รวมทั้งปักเสาเดินสายไฟจากบ้านขุนสมุทร หมู่ที่ 10 ข้ามคลองร่าหมาดไปยังสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าและสถานีเพาะเลี้ยงปูทะเล การก่อสร้างห้องน้ำ 1 หลัง ประกอบด้วย ห้องน้ำ 6 ห้อง ห้องสุขา 8 ห้อง เพื่อเป็นสถานบริการขั้นพื้นฐาน และเป็นการลดปัญหาด้านมลพิษและสภาพแวดล้อม

2. ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

- งานฟื้นฟูสภาพป่าและสัตว์ป่า ได้ทำการดูแลรักษาและป้องกันไฟป่าและพัฒนาพื้นที่ชายหาด 7,037 ไร่ ปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลน 560 ไร่ โดยจ้างแรงงานจากราษฎรในพื้นที่จัดทำแนวกันไฟบริเวณพื้นที่ล่อแหลม 10 กิโลเมตร เพาะชำกล้าไม้สนับสนุนป่าชุมชน จำนวน 68,000 กล้า 

- งานป้องกันรักษาป่า โดยจัดทำแนวเขตป่าบก ขุดลอกคูแนวเขตพื้นที่ป่าชายเลน 5.5 กิโลเมตร จัดทำแนวเขตกันไฟป่าบก 2.5 กิโลเมตร ปลูกต้นสนทะเล จำนวน 2,000 ต้น บริเวณทางเข้าพื้นที่โครงการฯ 7 กิโลเมตร

พร้อมกันนี้ได้มีการอบรมและปลูกฝังจิตสำนึกของราษฎร รวมทั้งเยาวชนให้มีความรู้เรื่องป่า เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และ

3. ด้านการพัฒนาการเกษตรและอาชีพ

จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปลากะรัง 1 กลุ่ม โดยคัดเลือกสมาชิกนำร่อง 6 ราย แจกอุปกรณ์การเลี้ยงปลา อบรมและแจกพันธุ์ปลากะรัง ขนาด 2 – 3 นิ้ว 400 ตัว/ราย และจัดเจ้าหน้าที่ประจำโครงการให้คำแนะนำดูแลตลอดระยะเวลา ปัจจุบัน ได้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น มีผลผลิตดี มีอัตราการรอดตายของปลามีค่าระหว่างร้อยละ 70 – 80 สำหรับปัญหาอุปสรรคเป็นไปตามฤดูกาลและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามดูแล และให้คำแนะนำ พร้อมทั้งได้ดำเนินการก่อสร้างโรงเพาะฟัก โรงอนุบาล โรงแพลงก์ตอน บ่อฆ่าเชื้อ ท่อส่งน้ำ โรงสูบน้ำ โรงเป่าลม บ่อดินอนุบาลและบ่อพักน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตปูทะเลเพื่อปล่อยลงสู่ธรรมชาติ ในการนี้ ได้มีการจัดตั้งกลุ่มสตรีเพื่อการแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ได้ดำเนินการปรับปรุงแหล่งน้ำจืดสำหรับเลี้ยงสัตว์ ขนาด 40x40 เมตร ลึก 3.0 เมตร และจัดทำรั้วลวดหนามล้อมแปลงหญ้าพื้นที่โดยรอบขนาด 400x800 เมตร และรั้วแปลงย่อยขนาด 116x300 เมตร 6 แปลง เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ได้ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น เป็ดเทศ เป็ดไข่ โดยจัดตั้งกลุ่ม พร้อมทั้งสนับสนุนพันธุ์เป็ดเทศและจัดอบรม  รวมไปถึงสนับสนุนเวชภัณฑ์และวัคซีนป้องกันโรค สำหรับด้านเกษตรกรรม ได้ส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ การปลูกมะพร้าวอ่อน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร จัดกิจกรรมส่งเสริมหัตถกรรมจากเตยปาหนัน และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ

ทั้งนี้ คุณภาพชีวิตของประชาชนจะดีขึ้น ได้รับความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีทรัพยากรเพิ่มขึ้น มีทางเลือกในการประกอบอาชีพ และมีความรู้ในการประกอบอาชีพจนสามารถพึ่งตนเองได้ เป็นการสร้างรายได้ให้กับตนเอง ครอบครัวรวมไปถึงชุมชน

สถานีเพาะพันธุ์ปู

ปี 2544

กรมประมง ดำเนินการก่อสร้างโรงเพาะพัก โรงอนุบาล โรงเพาะแพลงก์ตอน บ่อฆ่าเชื้อ หอส่งน้ำ โรงสูบน้ำ โรงเป่าลม บ่อดินอนุบาลและบ่อพักน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตพันธุ์ปูในธรรมชาติ สำหรับกิจกรรมของกรมป่าไม้ได้ดำเนินการก่อสร้างห้องน้ำ 1 หลัง ประกอบด้วยห้องน้ำ 6 ห้อง ห้องสุขา 8 ห้อง เพื่อเป็นสถานบริการขั้นพื้นฐาน ลดปัญหาด้านมลพิษและสภาพแวดล้อม อีกกิจกรรมหนึ่ง คือ การจัดพื้นที่ขังสัตว์เลี้ยงชั่วคราว โดยดำเนินการปรับปรุงแหล่งน้ำจืดเลี้ยงสัตว์ ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 40 เมตร ลึก 3.0 เมตร และจัดทำรั้วลวดหนามล้อมแปลงหญ้าพื้นที่โดยรอบ กว้าง 400 เมตร ยาว 800 เมตร พร้อมทั้งจัดทำรั้วล้อมแปลงย่อยขนาดกว้าง 116 เมตร ยาว 300 เมตร 6 แปลง 

ทั้งนี้ จะทำให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการประกอบอาชีพประมง ส่งผลให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ในส่วนของสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมของโครงการจะมีความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น

บ่อน้ำที่จะดำเนินการปรับปรุงสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ขังสัตว์เลี้ยงชั่วคราว

 

 

 

  • ประเภทโครงการ : โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม

curve