โครงการ ก่อสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย

สถานที่ตั้ง

256 ไร่ ตำบล บ้านใหม่ อำเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา

รายละเอียดโครงการ ถอดบทเรียน

โครงการก่อสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย บริเวณทะขามหย่อง

ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

--------------------------------------

 

 

1. ความเป็นมา

         วันที่ 10 กรกฎาคม 2534 

                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริ ณ วังไกลกังวล ให้การก่อสร้างโครงการพระราชานุสาวรีย์ฯ มีการใช้น้ำที่เก็บในสระเก็บน้ำจำนวนมากเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งของราษฎร ที่มีพื้นที่อยู่รอบบริเวณพระราชานุสาวรีย์ฯ

          วันที่ 24 ตุลาคม 2538

                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ของพระราชานุสาวรีย์ฯ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ถูกน้ำท่วม และเพื่อเป็นการเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งอีกทางหนึ่งด้วย และนำที่ได้เก็บกักไว้ในสระ

เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ตามแนวพระราชดำริด้านการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง โดยส่งเสริมอาชีพเสริมแก่ราษฎร 4 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวนาปรัง โครงการปลูกพืชอายุสั้นและไม้ผล โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงปลา และโครงการเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน

          วันที่ 13 พฤศจิกายน 2538

                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาปรับปรุงบริเวณพื้นที่โครงการให้สามารถเก็บน้ำได้มากขึ้นเป็น 200 ไร่ เหลือเป็นพื้นที่พระราชานุสาวรีย์ไว้ 50 ไร่ และยกระดับถนนในพื้นที่ขึ้นด้วย

          วันที่ 4 ธันวาคม 2538

                    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสกับบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สรุปความได้ว่า

                    ...ในที่สุด ปีนี้น้ำก็ท่วมและเกิดระลึกขึ้นมาได้ว่ามีโครงการนี้อยู่...จึงให้คนไปถ่ายรูป มีหลายฝ่ายทั้งทางภาคพื้นดิน ทั้งทางอากาศ ในรูปได้เห็นว่ามีการสูบน้ำ ปลายหนึ่งของท่อจุ่มอยู่ในสระ และดูดน้ำออกจากสระ น้ำในสระนั้นมีระดับวัดได้ 3 เมตร 50 เซนติเมตร แต่เมื่อดูแล้วข้างนอก น้ำขึ้นสูงไปมากกว่านั้น จึงบอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งหยุดสูบน้ำออกไปและถ้าอย่างไรให้เปิดประตูน้ำที่เป็นท่อ และช่องที่เปิดน้ำให้เข้า-ออกได้ ให้น้ำเข้ามา น้ำก็ค่อยๆ เข้ามาเอื่อยๆ น้ำจึงขึ้นมาหน่อย แต่ว่าเข้ามาช้ามาก... ก็เลยบอกว่า ให้ฟันคัน ให้ใช้รถตักที่เขาเรียกว่าแบ็คโฮตักคันที่กั้นน้ำนั้นให้น้ำเข้ามา...และในเวลาเดียวกันก็วัดระดับน้ำ ปรากฏว่าระดับน้ำทางด้านตะวันออกคือ น้ำที่มาจากแม่น้ำป่าสักสูงกว่าด้านที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 20 เซนติเมตร ความรู้นี้ ไม่มีใครเคยรู้ว่า น้ำที่อยู่ในทุ่งด้านป่าสักมีความสูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา และความรู้นี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกรมชลประทานเกิดความรู้ว่า น้ำท่วมกรุงเทพฯ มาจากไหน และไปไหน...

          ...ก็บอกให้ทำต่อไปจนกระทั่งน้ำข้างนอกกับน้ำข้างในเท่ากัน และวัดดูโดยต่อจากมาตรวัดน้ำ ซึ่งทีแรกสูง 4 เมตร ต่อขึ้นมา 5 เมตร ก็ท่วม 5 เมตร จนกระทั่งขึ้นมาถึง 5 เมตร 70 เซนติเมตร เป็นอันว่าน้ำที่เข้ามาในบริเวณนั้นจากเดิม 3 เมตร 50 เซนติเมตร ขึ้นมาเป็น 5 เมตร 70 เซนติเมตร และน้ำในสระนั้นแทนที่จะมีประมาณห้าแสน ก็ขึ้นมาเกือบสองล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อถึงขนาดนั้นแล้ว จึงสั่งให้ปิดได้ ให้ปิดเพื่อที่จะเก็บน้ำนี้ไว้ข้างใน ...ทำให้ราษฎรเห็นว่าอนุสาวรีย์นี้ทำประโยชน์ และสมเด็จพระสุริโยทัย นี้เป็นวีรสตรีในอดีต กลับมาเป็นวีรสตรีในปัจจุบันด้วย ฉะนั้นโครงการนี้ก็ได้ผลเต็มที่...

          ...ทฤษฎีใหม่นี่มีไว้สำหรับป้องกันความขาดแคลน ในยามปกติก็จะทำให้ร่ำรวยมากขึ้น ในยามที่มีอุทกภัยก็สามารถที่จะฟื้นตัวได้เร็ว โดยไม่ต้องให้ทางราชการไปช่วยมากเกินไปทำให้ประชาชนมีโอกาสพึ่งตนเองได้อย่างดี ฉะนั้นจึงได้สนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่... 

          วันที่ 23 มกราคม 2539

                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อทรงเยี่ยมเกษตรกร และทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการดำเนินงานการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่รอบพระราชานุสาวรีย์ ในการนี้ ทรงเปิดคันบังคับน้ำ เพื่อปล่อยน้ำเข้าสู่ท่อส่งน้ำที่ 2 เพื่อส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรของราษฎรที่อาศัยอยู่โดยรอบ และทรงมีพระราชดำริในเรื่องต่างๆกับคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการประกอบอาชีพของราษฎร โดยพระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการพิจารณานำทฤษฎีใหม่มาใช้งานโดยให้ขุดสระน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตโครงการและบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำในฤดูฝน และพิจารณาเพิ่มระดับเก็บกัก รวมทั้งให้ขุดลอกสระเก็บน้ำให้ลึกลงไปตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มปริมาณความจุให้สระเก็บน้ำ

          วันที่ 14 พฤษภาคม 2539

                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อทรงเกี่ยวข้าวในนาซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพปลูกข้าวนาปรัง และพระราชทานข้าวที่ทรงเกี่ยวเพื่อไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในการนี้ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน กรมโยธาธิการ และกรมพัฒนาที่ดิน ปรับปรุงสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์ฯ โดยขุดดินก้นสระให้มีความลึกโดยเฉลี่ยอีกประมาณ 1 เมตร เพื่อกักเก็บน้ำให้มากกว่าเดิม ดินที่ขุดได้ส่วนหนึ่งให้นำไปทำทางสัญจรด้านทิศเหนือขนานไปกับคันกั้นน้ำ ให้ประชาชนใช้เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างถนนริมแม่น้ำกับถนนสายใหญ่ ดินอีกส่วนหนึ่งให้นำไปทำถนนเสริมคันกั้นน้ำเดิมให้สูงถึงระดับ 6.20 เมตร (รทก.) หากมีน้ำไหลหลากมากเหมือนปี 2538 จะได้ระบายน้ำเข้ามาในสระเก็บน้ำ น้ำจะได้ไม่ท่วมหลังคันกั้นน้ำ ซึ่งจะทำให้มีน้ำเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้งเพิ่มมากขึ้น

 
 

2. การดำเนินงานสนองพระราชดำริ หน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันสนองพระราชดำริ ดังนี้

   ปี 2540-2541

   2.1 ดำเนินการขุดลอกสระเก็บน้ำให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นจจากเดิม 1,080,000 ลบ.ม. เป็น 1,200,000 ลบ.ม

   2.2 กรมป่าไม้ ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ ปลูกต้นไม้เพื่อการใช้สอย เช่น ไผ่สีสุก ยูคาลิปตัส เพื่อใช้เผาถ่าน และปลูกแฝก 3 แถวรอบสระเก็บน้ำ

   2.3 กรมชลประทาน จัดทำบ่อเล็กในสระใหญ่พร้อมติดตั้งระบบสูบน้ำ เพื่อให้สามารถส่งน้ำออกจากสระให้ได้มากที่สุด พร้อมดำเนินการปรับปรุงระบบสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสระเก็บน้ำ

   2.4 การไฟฟ้าได้ทำการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายใน และระบบไฟฟ้าของระบบสูบน้ำ

   2.5 จัดทำถนนเชื่อมระหว่างคันคลองชลประทานกับถนนสายบางปะอิน-บางปะหัน เพื่อให้ราษฎรใช้สัญจรไปมา (ที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้จัดซื้อ)

   การส่งเสริมอาชีพให้กับราษฎร

  1) ส่งเสริมการทำนาปรัง พื้นที่ 504 ไร่

  2) ส่งเสริมการปลูกไม้ผล(มะม่วง, กระื้ท้อน, ขนุน) 33 ราย

  3) ส่งเส่ริมการปลูกพืชอายุสั้นเพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดน้ำท่วม

  4) ส่งเสริมการปลูกผัก 9 ราย

  5) ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำ (ปลายี่สก, ปลาตะเพียน) 18 ราย

  6) ส่งเสริมด้านปศสัตว์ (ไก่, เป็ด, สุกร) 30 ราย

  การขยายผลทฤษฎ๊ใหม่ ทำการคัดเลือกเกษตรกร 1 ราย ซึ่งอยู่บริเวณโครงการ ได้แก่ นายทองดี นิลมงคล ซึ่งต้องการทำตามแนวทฤษฏีใหม่ในพื้นที่ของตนเอง

3. ลักษณะของโครงการ

   โครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย มีพื้นที่โดยรวมทั้งสิ้นประมาณ 256 ไร่ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน ดังนี้

                   ส่วนที่ 1 พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย สวนสาธารณะ และอื่นๆ มีพื้นที่ประมาณ 56 ไร่ ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้

                             - องค์พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยทรงช้าง ประดิษฐานบนเกาะเนินดิน พื้นที่ประมาณ 24 ไร่

                            - อาคารประกอบอื่นๆในบริเวณ เช่น อาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ส่วนแสดงแผนผังบริเวณ และอาคารบำรุงรักษา ระบายน้ำและบ้านพักเจ้าหน้าที่

                   ส่วนที่ 2 พื้นที่สระเก็บน้ำ มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่  สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง และรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก

                             - พื้นที่ผิวน้ำที่ระดับเก็บกัก               158              ไร่

                             - ปริมาณความจุที่ระดับเก็บกัก          1,209,000     ลูกบาศก์เมตร

                             - ระดับคันกั้นน้ำ                            + 6.20          เมตร (รทก.)

                             - ระดับเก็บกักปกติ                         + 4.50          เมตร (รทก.)

                             - ระดับเก็บกักสูงสุด                        + 5.760        เมตร (รทก.)

                               (ในปี 2538 เกิดปัญหาอุทกภัยสามารถกักเก็บน้ำได้ 1,583,040 ลูกบาศก์เมตร)

                             - ปริมาณน้ำเก็บกักที่สามารถ            500,000 ลูกบาศ์กเมตร นำมาใช้ประโยชน์โดยวิธีการธรรมชาติ

4. พื้นที่รับประโยชน์  สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร(นาปรัง) ได้ 504 ไร่ จำนวน 2 ครั้งต่อปี และช่วยให้ราษฎรสามารถทำการเกษตรอื่นๆได้ตลอดฤดูกาล

  • ประเภทโครงการ : โครงการพัฒนาแบบบูรณาการ และโครงการพัฒนาด้านอื่น ๆ

curve